เที่ยวไหนดี ณ ภูเก็ต

BY IN Phuket, South, Thailand NO COMMENTS YET , ,

จังหวัด ภูเก็ต จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย เป็นจังหวัดเดียวที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องของหาดทรายที่สวยงาม น้ำทะเลใส ท้องทะเลที่งดงามเหมาะสำหรับการดำน้ำ รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวก รองรับนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน

ในอดีตส่วนใหญ่ คนที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจจะเป็นคนจีน ที่ทำเหมืองแร่ และพ่อค้าคนกลางขายยางพารา ความเจริญที่มาจากคนจีน ซึ่งเห็นได้จากศาลเจ้าจีน ที่ตั้งอยู่เรียงรายในตัวเมืองภูเก็ต เพื่อฉลองเทศกาลถือศีลกินผักในเดือนตุลาคมของทุกปี

แต่ปัจจุบันความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ มาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเปรียบได้กับจำนวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่ค้นพบถึงความงดงามของแสงอาทิตย์ และทะเลที่ภูเก็ตมีไว้รองรับ และยังมีป่าเขาลำเนาไพร วนอุทยานแห่งชาติ โครงการคืนชะนีสู่ป่า รวมทั้งการนั่งช้างชมป่า

DSC_0001

การเดินทาง
ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ตรงไประนอง จากระนองสู่อำเภอกระบุรีและกะเปอร์ของจังหวัดพังงา ภายในจังหวัดพังงาผ่านอำเภอคุระบุรี ตะกั่วป่า และท้ายเหมือง จนถึงบ้านโคกกลอย ข้ามสะพานท้าวเทพกษัตรีหรือสะพานสารสิน ซึ่งเป็นระยะทางทั้งหมดประมาณ 817 กิโลเมตร

รถโดยสารประจำทาง มีทั้งรถธรรมดา และรถปรับอากาศบริการออกจากสถานีขนส่งสายใต้ทุกวัน

ทางเครื่องบิน มีเที่ยวบินหลากหลายสายการบิน จากกรุงเทพฯ สู่ภูเก็ตทุกวัน ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 20 นาที

( ที่มา : http://www.phuket.go.th/webpk/contents.php?str=travel )

แผนที่จังหวัดภูเก็ต

DSC_0002

( ที่มา : http://www.phuket.go.th/webpk/images/introduce/mapPhuket.gif )

วันที่เดินทาง : 05-10/12/2012

ในการเดินทางมาภูเก็ตในครั้งนี้ เลือกการเดินทางโดยใช้รถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ออกเดินทางประมาณ 18.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง มาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดภูเก็ต ในช่วงเช้าๆ ประมาณ 6 โมงครึ่งได้ ค่าโดยสาร 1058 บาท

เมื่อถึง บขส. แล้ว ใช้บริการรถโพถ้อง เป็นรถโดยสารประจำเมืองภูเก็ต เดินทางไปโรงแรมที่พัก รถโพถ้อง จะมีรถจอดอยู่ภายใน บขส.เลย จะเดินทางไปไหน สอบถามจากคนขับรถ หรือดูแผนที่ ที่ติดไว้ใน บขส. ประกอบได้

โรงแรมชิโน เฮาส์ โรงแรมที่พักของทริปนี้

DSC_0343
http://www.wintersea.net/2016/06/sino-house-hotel-phuket-thailand/

ไปถึงโรงแรม ห้องว่างพอดี สามารถ Check In ได้เลย ไม่ต้องรอให้ถึงเวลา ขึ้นไปพักผ่อนสักพัก พนักงานบริษัทที่เช่ารถ ก็เดินทางมารับ (นัดไว้ 8.30 น.) ไปทำสัญญาเช่ารถ และตรวจรถที่บริษัท ครั้งนี้ได้เช่ารถของบริษัท Pure Car Rent ตั้งอยู่บนถนนรัษฏา ได้เป็นรถ Honda Jazz สภาพรถโอเค แอร์เย็น

ได้รถแล้ว ออกเดินทางท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ในวันแรกนี้ ขับรถเล่นไปทางภูเก็ตตอนบน ทางที่จะไปสนามบินภูเก็ต
แว่ะกินข้าว เติมพลังกันก่อนแถวๆ วงเวียนสุรินทร์ หรือ วงเวียนหอนาฬิกา

DSC_0003

วงเวียนสุรินทร์ หรือ วงเวียนหอนาฬิกา เป็นวงเวียนที่มีอายุยาวนาน ได้รับการบูรณะซ่อมแซม และออกแบบใหม่ตามสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส เพื่อให้กลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกับเมืองโบราณซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสเช่นเดียวกัน หลังการบูรณะซ่อมแซมยามค่ำคืน จะเปิดไฟสีส้มส่องขึ้นไปยังตัวหอหอนาฬิกาเพื่อขับเน้นถึงความสวยงาม และอวดโฉมผู้ที่สัญจรไปมา รอบ ๆ บริเวณจะมีม้าหนัง และจัดสวยหย่อมสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ถ่ายรูป ซึ่งก็มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างประเทศ และชาวภูเก็ตให้ความสนใจ วงเวียนแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนภูเก็ต และเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ห้างโอเชี่ยน โรบินสัน ตลาดเกษตร สะพานหิน

( ที่มา : http://www.phuketcity.go.th/tourism_location/detail/15 )

DSC_1986

DSC_0368

ศาลเจ้าฮกหงวนก้ง ตั้งอยู่เลขที่ 1 ถนนตลิ่งชัน ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา
เดิมชาวจีนที่มาทำเหมืองแร่ดีบุกในจังหวัดภูเก็ต ได้อัญเชิญรูปแกะสลักท่านจ้อซือก้งมาจากเมืองจีน ซึ่งได้นำไปประดิษฐานไว้ที่ศาลเจ้าเล็กๆ ด้านหลังโรงแรมถาวร ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ศาลเจ้าขึ้น แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของท่านจ้อซือก้ง กิมซิ้นของท่านไม่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้เลย จึงทำผู้คนเกิดความเลื่อมใสศรัทธายิ่งขึ้น จึงได้อัญเชิญกิมซิ้นท่านจ้อซือก้งไปประดิษฐานไว้ที่ศาลเจ้ากวนอิมเป็นการชั่วคราว และชาวบ้านที่มีความเลื่อมใสศรัทธาก็ร่วมแรงร่วมใจก่อสร้างศาลเจ้าขึ้นมาใหม่ ชื่อว่าศาลเจ้าฮกหงวนก้ง เมื่อสร้างศาลเจ้าเสร็จก็ได้อัญเชิญกิมซิ้นขององค์จ้อซือก้งมาประดิษฐานไว้ ที่ศาลเจ้าฮกหงวนก้งและเป็นประธานศาลเจ้า ศาลเจ้าฮกหงวนก้ง หรือในอีกชื่อคือ อ๊ามจ้อซูก้ง นี้สร้างมาแล้วประมาณ 80 ปี

( ที่มา : http://live.phuketindex.com/th/phuket-shrine-834.html )

DSC_0376

เริ่มเดินทาง โดยขับไปตามทางหลวงหมายเลข 402 ผ่านสนามบินจังหวัดภูเก็ต ไปสักพัก จะถึงจุดหมายที่จะไปกัน คือ ประตูเมืองสู่ภูเก็ต

DSC_0376-1

ประตูเมืองสู่ภูเก็ต เป็นอาคารสมัยใหม่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบ ชิโน-โปรตุกิส สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่บนพื้นที่ราชพัสดุ 25 ไร่ บริเวณท่าฉัตรไชย ตำบลไม้ขาว ใกล้กับสะพานท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร บริเวณทางแยกเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ต-พังงาใช้เป็นสถานที่ต้อนรับและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนจังหวัดภูเก็ต

DSC_0379
ประตูเมืองสู่ภูเก็ตมีลักษณะเป็นเสาเรียงเป็นแนวยาว 29 ต้น นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมของเมืองภูเก็ตผ่านจารึกบนเสาศิลาเหล่านี้ ด้านหน้าอาคาร มีประติมากรรมเต่าทะเลกับไข่เต่าขนาดใหญ่ ผลงานของศิลปินเอก ศาสตราจารย์ ธนะ เลาหทัยกุล ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต อันเป็นสถานที่วางไข่ของเต่ามะเฟือง

DSC_0381
ประตูเมืองสู่ภูเก็ตมีศูนย์ให้บริการด้านการท่องเที่ยว โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก สำหรับชมวิดีทัศน์เกี่ยวกับเมืองภูเก็ต ห้องสมุด ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ ห้องประชุมสัมมนา นักท่องเที่ยวสามารถแวะพักผ่อนระหว่างเส้นทาง พร้อมศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตได้ที่นี่

นอกจากนี้ที่นี่รู้จักกันในนามจุดชมวิวสะพานสารสิน ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง

DSC_0387
ประตูเมืองสู่ภูเก็ต เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.

( ที่มา : http://thai.tourismthailand.org/สถานที่ท่องเที่ยว/ประตูเมืองสู่ภูเก็ต–5483 )

ออกจาก ประตูเมืองสู่ภูเก็ต ขับรถย้อนกลับเข้าเมืองภูเก็ต ไปตามทางหลวงหมายเลข 402  เพื่อไปยังหาดไม้ขาว

ทางเข้า Turtle Village และหาดไม้ขาว

DSC_0452

หาดไม้ขาวเป็นหาดที่มีความยาวมากที่สุดในจังหวัดภูเก็ตแนวหาดเริ่มจากหาดในยาง ผ่านสนามบินไปจนจรดหาดทรายแก้ว หาดแห่งนี้มีน้ำทะเลสีครามใส ทรายค่อนข้างหยาบ

DSC_0396

DSC_0401

Turtle Village แหล่งช็อปปิ้งแถบหาดไม้ขาว เวลาเปิดบริการ 10.00-22.00 น.

DSC_0449

จากหาดไม้ขาว กลับเข้ามาทางตัวเมืองภูเก็ต ด้วยทางหลวงหมายเลข 402 เช่นเดิม โดยแว่ะไหว้พระที่ วัดพระทอง (พระผุด) ก่อน

DSC_0452-1

ภาพของพระพุทธรูปองค์ขนาดใหญ่ ที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ณ วัดพระทอง ในอำเภอถลาง วัดเก่าเเก่ประจำจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นอันซีนไทยแลนด์อีกอย่างหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งมาพร้อมกับเรื่องเล่าขาน เเละประวัติความเป็นมาอันน่าสนใจเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ขององค์พระที่โผล่จากพื้นดิน

DSC_0463

DSC_0460

DSC_0479

DSC_0473

DSC_0457

จากวัดพระทอง (พระผุด) วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 402 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4025 บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เพื่อเข้าไปหาดสุรินทร์

DSC_0479-1

อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นรูปปั้นของท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทรที่เป็นวีรสตรีผู้มีความกล้าหาญและเสียสละด้วยความรักชาติซึ่งในตอนนั้น พม่าได้ยกทัพเข้ามาโจมตีโดยแบ่งออกเป็น 9 ทัพ หรือที่เรียกกันว่าสงครามทัพที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี โดยพม่าได้แบ่งทัพแยกออกเพื่อเข้าตีเมืองต่างๆของดินแดนสยาม ณ ขณะนั้น โดยมีทัพหนึ่งได้เข้าทางเมืองกระ ตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่งซึ่งใกล้กับเมืองถลาง คุณหญิงจันและคุณหญิงมุกซึ่งเป็นภริยาของเจ้าเมืองแต่เนื่องจากสามีของตนได้ถูกลอบสังหารเสียชีวิต จึงได้ทำการรวบรวมกำลังคนชาวบ้านทั้งชายและหญิงให้แต่งกายเป็นนักรบชายเพื่อต่อสู้กับข้าศึกโดยคุณหญิงทั้งสองได้แต่งกายเป็นชายโดยใช้ทั้งความสามารถและกลอุบายต่อสู้กับทัพของพม่าจนได้รับชัยชนะในที่สุด ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้บำเหน็จแก่ผู้ทำคุณความดีแก่แผ่นดิน โดยพระราชทานการแต่งตั้งให้คุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกระษัตรี ส่วนคุณหญิงมุกได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นท้าวศรีสุนทร

( ที่มา : http://phuketairportthai.com/th/popular-destinations/1530/two-heroines-monument-phuket )

DSC_0506

หาดสุรินทร์ เป็นชายหาดที่สวยอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ระหว่างหาดกมลาและหาดบางเทา

DSC_0488

DSC_0490

DSC_0501

วันที่สอง ออกไปทริป เกาะไข่

DSC_0000
ตามไปชมได้ที่ http://www.wintersea.net/2016/05/day-trips-koh-khai-phangnga-thailand/

วันที่สาม ออกไปทริป เกาะเฮ เกาะราชาใหญ่

DSC_0000
ตามไปชมได้ที่ http://www.wintersea.net/2016/05/day-trips-coral-island-and-racha-island-phuket-thailand/

วันที่สี่ ตื่นเช้ามาเดินชมย่านเมืองเก่า ของจังหวัดภูเก็ต

DSC_0001
ร้านหนังสือเส้งโห ร้านหนังสือแห่งแรกของชาวภูเก็ต เปิดบริการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2468 ร้านนี้ อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับโรงแรมที่พักเลย

DSC_1056

บ้านสุวัณณ์ทวี เป็นโรงแรมที่น่าพักแห่งหนึ่งบนถนนดีบุก

DSC_1060

ลำคลองเล็กๆที่ไหลผ่านเมืองภูเก็ต ช่วงถนนดีบุก

DSC_1063

ร้านอาหารระย้า ถนนดีบุก

DSC_1064

DSC_1067
ร้านค้าเก๋ๆ บนถนนดีบุก

DSC_1069

สโมสรไทยหัว ถนนดีบุก

DSC_1084

เดินชมตึกเก่าสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ถนนดีบุก

DSC_1084-1

DSC_1087

DSC_1090

DSC_1096

DSC_1104

DSC_1110

DSC_1111

DSC_1114

DSC_1121

บ้านหลวงอำนาจนรารักษ์ ถนนดีบุก เสน่ห์ของอั่งม้อหล้าวฝีมือช่างชาวจีนจากปีนัง (อั่งม้อหล้าว ภาษาจีน แปลว่า ตึกแบบฝรั่ง ที่ส่วนใหญ่เป็นเรือนปูน 2 ชั้น รูปทรงสมส่วน หลังคามุงกระเบื้องแบบดั้งเดิม มีลวดลายปูนปั้นประดับตกอย่างสวยงาม)

DSC_1124

บ้านชินประชา ถนนกระบี่ เป็นบ้านเก่าแก่สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ซึ่งสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของเกาะภูเก็ต มีอายุกว่า 100 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2466 (ค.ศ.1903) หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง) บิดาของท่านคือ หลวงบำรุงจีนประเทศ (ตันเนียวยี่) เป็นชาวฮกเกี้ยนที่รับราชการทหารในประเทศจีน ต่อมาบิดาท่านได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี พ.ศ. 2397 (ค.ศ. 1854) หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ประกอบกิจการทำเหมืองแร่ดีบุกที่เกาะภูเก็ต และกิจการค้าขายที่เกาะปีนัง

บ้านชินประชา เป็นบ้านของตระกูล ตัณฑวณิช ผู้เป็นเจ้าของได้อนุรักษ์ตัวอาคารและเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่าง ๆ ในบ้านไว้เป็นอย่างดี โดยมีความมุ่งหวังให้สถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ซึ่งเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของภูเก็ตผ่าน การใช้ชีวิตของผู้คนชาวภูเก็ต ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา
ลักษณะที่โดดเด่นของบ้าน คือ เป็นบ้านสองชั้น ประตูบ้านลงรักปิดทอง มีอักษรจีน มีหน้าต่างไม้หลายบานซึ่งในบานหน้าต่างทำเป็นบานเกล็ดเปิดปิดได้ เมื่อเข้ามาในบ้านจะเย็นสบายอากาศถ่ายเทสะดวก เนื่องจากตรงกลางบ้านเปิดโล่งเพื่อระบายอากาศ และมีสระน้ำเล็ก ๆ อยู่กลางบ้าน พื้นกระเบื้องจากอิตาลี บันไดไม้มีลวดลายสวยงามมาก เครื่องเรือนส่วนใหญ่เป็นไม้ฝังมุกนำมาจากเมืองจีน มีเครื่องใช้ เครื่องครัวโบราณ ภาพถ่าย ภาพวาดในอดีตที่สวยงามและน่าสนใจ

บ้านชินประชา เปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท

( ที่มา : http://phuket.go.th/webpk/poem.php?str=บ้านชินประชา-ภูเก็ต )

DSC_1227

DSC_1233

พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว ตั้งอยู่ริมถนนกระบี่ ย่านเมืองเก่าภูเก็ต เดิมเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งบรรพบุรุษชาวจีนฮกเกี้ยนรุ่นแรกที่อพยพเข้ามาอยู่ที่ภูเก็ตได้ร่วมกันก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2477 อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสทาสีขาว ปัจจุบันได้รับการบูรณะปรับปรุงให้มีสภาพสมบูรณ์สวยงาม จนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวในปัจจุบัน

DSC_1136

DSC_1139

ตึกเก่าสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ถนนกระบี่

DSC_1146

ไชน่าอินน์ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ ถนนถลาง

DSC_1161

ตึกเก่าสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ถนนถลาง

DSC_1166

ตึกเก่าสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ซอยรมณีย์

DSC_1172

ซอยรมณีย์ ในอดีต เป็นซอยแห่งสถานเริงรมย์ ด้วยมีหญิงงามจากมาเก๊ามาขายบริการ ปัจจุบันตึกแบบโคโลเนียลกลุ่มนี้ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสดใส แล้วปรับปรุงเป็นร้านกาแฟ ร้านขายของฝาก เกสท์เฮ้าส์ บางส่วนก็ยังคงเป็นที่อยู่อาศัย ซอยรมณีย์จึงยังคงมีชีวิตชีวาดูน่ารื่นรมย์เสมอ

DSC_1182

ซอยรมณีย์เป็นซอยที่เชื่อมถนนถลางและถนนดีบุกซึ่งทั้งหมดอยู่ในเขตเมืองเก่าของภูเก็ต อันเป็นที่ตั้งของตึกเก่าศิลปะชิโนโปรตุกีสอันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของ ศิลปะแบบภูเก็ต ตึกบางหลังจะพบร่องรอยความเก่าแก่ให้อารมณ์คลาสสิคย้อนยุคไปอีกแบบ นอกจากนั้นซอยรมณีย์ยังถูกยกย่องให้เป็นซอยที่สวยงามและให้อารมณ์โรแมนติกมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูเก็ต

( ที่มา : http://www.phuketcity.go.th/tourism_location/detail/4 )

สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี ถนนถลาง สืบเนื่องจากในปีพุทธศักราช 2547 ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระองค์ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกร ชาวไทยและชาวภูเก็ตเสมอมา จึงได้มีแนวคิดในการจัดสร้างสวนสาธารณะขึ้นทูลเกล้าถวาย และขอพระราชทานชื่อว่า ‘สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี พ.ศ. 2547′ สำหรับพื้นที่ในการก่อสร้างสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี เทศบาลนครภูเก็ต ได้จัดพื้นที่ส่วนหนึ่งของสวนฯ ซึ่งติดถนนถลาง ให้เป็นที่ตั้งของประติมากรรม ‘พญามังกรทะเลหรือฮ่ายเหล็งอ๋อง’

( ที่มา : http://www.phuketcity.go.th/tourism_location/detail/7 )

DSC_1192

“อ้ายเหล็งอ๋อง” ที่ลานมังกรทอง สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี ถนนถลาง

DSC_1191

DSC_1193

DSC_1194

DSC_1198

ร้านโกปี้เตี่ยม ถนนถลาง

DSC_1222

จุดชมวิวเขารัง เขารังเป็นเนินเขาอยู่ในตัวเมืองภูเก็ตทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือรถยนต์สามารถขึ้นไปถึงยอดเขาตามถนน “คอซิมบี้” สามารถเห็นทัศนียภาพของเกาะภูเก็ตได้ชัดเจน ยิ่งเป็นช่วงกลางคืนจะเห็นแสงไฟจากตามบ้านเรือนงามระยิบระยับงามไปอีกแบบ และเขารังยังเป็นสวนสุขภาพและสวนสาธารณะไว้พักผ่อนหย่อนใจและชมทิวทัศน์

DSC_1233-1

DSC_1274

วันที่ห้า ขับรถเที่ยวจังหวัดภูเก็ตลงไปทางทิศใต้บ้าง

DSC_1466-1

เริ่มจาก วัดไชยธาราราม เดิมชื่อ วัดฉลอง ตั้งอยู่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ห่างจากอำเภอเมืองภูเก็ต ระยะทาง 8 กิโลเมตร ไปทางทางหลวงหมายเลข 4021 (ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก) ผ่านสนามกีฬาสุระกุล เลี้ยวซ้ายไปห้าแยกฉลอง

DSC_1495

DSC_1501

DSC_1505

DSC_1508

DSC_1511

วิหารหลวงพ่อเจ้าวัด

DSC_1534
พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมี

DSC_1541

DSC_1542

DSC_1544

DSC_1547

DSC_1550
กุฎิจำลองหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง

DSC_1566

หลวงพ่อแช่มวัดฉลอง ภายในกุฎิจำลองหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง

DSC_1559

อนุสาวรีย์หลวงพ่อวัดฉลอง

DSC_1567

DSC_1554

พระอุโบสถวัดไชยธาราราม

DSC_1568

ออกจากวัดฉลอง ขับไปทางหลวงหมายเลข 4021 แล้วเลี้ยวขวาเพื่อเข้าซอยยอดเสน่ห์ 1

DSC_1568-1

พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปแบบร่วมสมัย ขนาดหน้าตักกว้าง 25.45 เมตร ความสูง 45 เมตร โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับผิวด้วยหินอ่อนหยกขาว “สุริยกันต”(สุริยกันตะ) จากพม่า น้ำหนักเฉพาะหินอ่อน หยกขาวประมาณ 135 ตัน หรือประมาณ 2500 ตารางเมตร ประดิษฐาน ณ บนยอดเขานาคเกิด ตำบลกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

ทางเข้า พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี

DSC_1635

พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี

DSC_1584

DSC_1591

DSC_1593

DSC_1597

DSC_1611

จุดชมวิว ที่พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี (Sea View)

DSC_1589

จุดชมวิว ที่พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี (Mountain View)

DSC_1606

วิวระหว่างทางลงจากเขานาคเกิด

DSC_1638

ลงจากเขานาคเกิด มาทางหลวงหมายเลข 4021 แล้วเบี่ยงไปเข้าทางหลวงหมายเลข 4024 เพื่อไป แหลมพรหมเทพ

DSC_1638-1

พิพิธภัณฑ์หอยภูเก็ต ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 ถนนวิเศษ ตำบลราไวย์ เป็นแหล่งรวบรวมเปลือกหอยหลากสีสันและลวดลายจากทั่วทุกมุมโลก มีฟอสซิล เปลือกหอย อายุหลายร้อยล้านปี

เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00-18.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

DSC_1640

หาดราไวย์ เป็นชายหาดที่กว้างรองจากหาดป่าตอง เป็นชายหาดที่มีร้านอาหารอยู่จำนวนมาก เป็นที่นิยมในการรับประทานอาหารริมทะเล

DSC_1652

DSC_1667

แหลมพรหมเทพ จัดเป็นหนึ่งในจุดชมอาทิตย์ตก ที่สวยที่สุดในเมืองไทย อยู่ห่างจากหาดราไวย์ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต ชาวบ้านเรียกว่าแหลมเจ้า มีลักษณะเป็นแหลมโค้งไล่ระดับทอดตัวสู่ท้องทะเล รอบข้างแวดล้อมด้วยต้นตาลที่ขึ้นแทรกอยู่เรียงราย สามารถเดินไปจนถึงปลายแหลมได้ และสามารถเห็นเกาะแก้วอยู่ด้านหน้าแหลม ด้านขวาเป็น หาดในหาน และ เกาะมัน ส่วนด้านซ้ายจะมองเห็น หาดในยะ ซึ่งเป็นหาดเล็กๆ

DSC_1684

แหลมพรหมเทพ เกาะแก้วใหญ่ เกาะแก้วน้อย

DSC_1688

DSC_1691

เกาะมัน บริเวณจุดชมวิวแหลมพรหมเทพ

DSC_1680

DSC_1687

ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ

DSC_1715

กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แหลมพรหมเทพ

DSC_1719

ศาลพระพรหม แหลมพรหมเทพ

DSC_1722

จากแหลมพรหมเทพ ไปจุดชมวิวถัดไป คือ จุดชมวิวกังหันลม ใช้ทางหลวงหมายเลข 4233 ซึ่งจะผ่านหาดยะนุ้ยก่อน

DSC_1722-1

หาดยะนุ้ย เป็นอ่าวเล็กๆ อยู่ทางทิศเหนือของแหลมพรมเทพเพียงประมาณ 10 นาที หาดยะนุ้ยไม่ใช่หาดที่เป็นที่นิยมในการทำกิจกรรมทางทะเลต่างๆ แต่เป็นหาดที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่ต้องการความเงียบสงบ บริเวณหาดจะมีแนวชายหาด ไม่ยาวมากนัก มีเม็ดทรายค่อนข้างละเอียดแต่ไม่ขาวมาก

( ที่มา : http://thai.phuketreport.com/phuket-beaches/Yanui-Beach.html )

DSC_1737

DSC_1744

จุดชมวิวกังหันลม เป็นจุดชมวิวด้านทิศใต้ของเกาะภูเก็ต อยู่ถัดมาจากแหลมพรมเทพเล็กน้อย จากจุดชมวิวแห่งนี้จะมองเห็นแหลมพรมเทพ และหาดยะนุ้ย อีกด้านหนึ่งจะมองเห็นหาดในหาน

หาดยะนุ้ย และเกาะมัน จากจุดชมวิวกังหันลม

DSC_1762

หาดยะนุ้ย จากจุดชมวิวกังหันลม

DSC_1766

DSC_1745

เกาะมัน จากจุดชมวิวกังหันลม

DSC_1749

ลงจากจุดชมวิวกังหันลม ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 4233 เพื่อไปจุดชมวิวที่พลาดไม่ได้อีกหนึ่งจุด คือ จุดชมวิวสามอ่าว

DSC_1766-1

จุดชมวิวสามอ่าว (Karon View point) เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทางฝั่งตะวักตก สามารถขับรถเข้ามาจอดที่จุดชมวิว และเดินขึ้นศาลาจุดชมวิวไปอีกนิดเดียวก็จะเห็นวิวได้ถึง 3 อ่าว ได้แก่ หาดกะตะน้อย อ่าวกะตะ และหาดกะรน ซึ่งลักษณะจะเป็นแบบโค้งแบบเสี้ยวพระจันทร์ติดต่อกัน 3 อ่าว เป็นสถานที่มีชื่อเสียง และเป็นที่นิยมสำหรับถ่ายภาพ

DSC_1792

DSC_1778

ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 4233 เลียบชายหาดไปเรื่อยๆ จนถึงหาดป่าตอง

DSC_1792-1

หาดกะรน เป็นชายหาดที่ยาวที่สุดในเกาะภูเก็ต อยู่ถัดจากหาดกะตะไปทางเหนือ มีเพียงเนินเขาเตี้ย ๆ คั่นอยู่เท่านั้น เหนือชายหาด มีสนทะเล และต้นตาลขึ้นเรียงรายอยู่โดยทั่วไป บริเวณหาดมีเม็ดทรายที่ขาวและละเอียดมาก บริเวณหาดมีคลื่นลมแรง จึงไม่เป็นที่นิยมในการเล่นน้ำมากนัก นักท่องเทียวนิยมนอนอาบแดด เดินผ่อนคลายบริเวณริมหาดเป็นส่วนใหญ่ บริเวณหาดยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพรียบพร้อม แหล่งช้อปปิ้ง และร้านค้าอยู่บริเวณวงเวียนด้านขวาสุดของหาด รวมทั้งสถานบันเทิงยามค่ำคืน

( ที่มา : http://thai.phuketreport.com/phuket-beaches/Karon-Beach.html )

DSC_1812

DSC_1815

Jungceylon ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ บริเวณหาดป่าตอง

DSC_1842

DSC_1848

หาดป่าตอง เป็นชายหาดที่มีชื้อเสียงมากที่สุดของเกาะภูเก็ต และยังเป็นสถานที่ผักผ่อนที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาผักผ่อนตลอดทั้งปีอีกด้วย ภายในบริเวณมี่บ้านพัก โรงแรม บริษัทนำเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งบันเทิงยามค่ำคืนไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว ที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยว 24 ชม. เลยก็ว่าได้ ณ บริเวณชายหาดยังมีหาดทรายขาวละเอียด เหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเล และยังมีกิจกรรมทางทะเล ไม่ว่าจะเป็น เจสกี สปีดโบท และอื่นๆอีกมากมาย ไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว อย่างครบครัน

( ที่มา : http://thai.phuketreport.com/phuket-beaches/Patong-Beach.html )

DSC_1872

DSC_1874

จากหาดป่าตอง ก็ขับกลับเข้าเมืองภูเก็ต ถนนจากหาดป่าตองเข้าเมืองต้องขับกันแบบระมัดระวังหน่อย เกิดอุบัติเหตุกันบ่อยมาก

วันที่หกวันสุดท้ายของทริป ตอนเช้าขับรถไปชมสวนสาธารณะสะพานหิน

DSC_19xx

สวนสาธารณะสะพานหิน ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 207 ไร่ สุดสายถนนภูเก็ต บรรจบทะเลในเมือง มีอนุสาวรีย์หลัก 60 ปี ที่จำลองมาจากกะเชอขุดแร่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2512 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กัปตันเอ็ดเวิร์ด โธมัสไมล์ ชาวออสเตรเลีย ผู้นำเรือขุดแร่ลำแรกมาใช้ขุดดีบุกเมื่อ พ.ศ. 2452 ปัจจุบันสะพานหินเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต รวมถึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นสถานที่ออกกำลังกายยอดนิยม

( ที่มา : http://www.phuketbulletin.co.th/Travel/view.php?id=418 )

DSC_1923

DSC_1941

DSC_1945

ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน โดยด้านหน้าของศาลเจ้าจะหันออกท้องทะเล

DSC_1951

DSC_1962

DSC_1958

ขากลับ แว่ะเข้าในย่านเมืองเก่า อีกสักรอบ

DSC_1962-1

วงเวียนนิมิตร หรือวงเวียนม้าน้ำ ก่อสร้างโดยเทศบาลนครภูเก็ตในปี พ.ศ.2548 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นทะเลของจังหวัดภูเก็ต จึงสร้างเป็นรูปม้าน้ำขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ วงเวียนนิมิตร หรือวงเวียนม้าน้ำ ก่อสร้างโดยเทศบาลนครภูเก็ตในปี พ.ศ.2548 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นทะเลของจังหวัดภูเก็ต จึงสร้างเป็นรูปม้าน้ำขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์

( ที่มา : http://www.phuketcity.go.th/tourism_location/detail/16 )

DSC_1975

วงเวียนสุริยเดช หรือวงเวียนน้ำพุ ย่านวงเวียนน้ำพุเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า ที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูเก็ต เป็นแหล่งซื้อของกินของฝากของนักท่องเที่ยว คลาคล่ำไปด้วยยวดยานพาหนะ ถึงขั้นการจราจรติดขัดในบางเวลา ที่กลางวงเวียนมีน้ำพุ รายล้อมด้วยหัวฉีดน้ำที่ใช้ในเหมืองแร่ของตระกูลหงส์หยก

( ที่มา : http://www.phuketcity.go.th/tourism_location/detail/1 )

DSC_1466

ตึกเก่าสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ถนนพังงา

DSC_2040

โรงแรมออนออน เป็นโรงแรมแห่งแรกของ จ.ภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ถนนพังงา สร้างเมื่อ พ.ศ. 2472

DSC_2050

ขอบคุณทุกๆท่านที่มีโอกาสแว่ะเข้ามาเยี่ยมชมนะครับ

 

Comments

comments